ปี 2026 กำลังจะเป็นปีที่สำคัญที่สุดของ iPhone ครับ เมื่อ Apple เตรียมส่งชิปเซต A20 และ A20 Pro ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีครั้งสำคัญที่สุดของบริษัท นับตั้งแต่การเปิดตัวชิป A14 Bionic เลยทีเดียว
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คือการก้าวข้ามจากเทคโนโลยี 3 นาโนเมตร ไปสู่กระบวนการผลิตระดับ 2 นาโนเมตร (2nm) ของ TSMC ที่ล้ำสมัยที่สุด
🔬 ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีหลัก
- ทรานซิสเตอร์ GAA (Gate-All-Around): กระบวนการผลิต N2 ของ TSMC จะใช้สถาปัตยกรรม GAA ที่ทำให้สามารถบรรจุทรานซิสเตอร์ได้มากขึ้นในพื้นที่ที่เล็กลง ส่งผลให้มี ประสิทธิภาพเร็วขึ้นถึง 15% และ ประหยัดพลังงานได้ดีขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับชิป A19
- นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ WMCM: นี่คือครั้งแรกที่ Apple จะนำเทคโนโลยี Wafer-Level Multi-Chip Module (WMCM) มาใช้กับชิปสำหรับ iPhone โดยเทคนิคนี้จะผนวกรวมส่วนประกอบหลักๆ เช่น CPU, GPU, และ RAM ไว้บนแผ่นเวเฟอร์เดียวกันโดยตรง ซึ่งช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการสื่อสารของชิป (ลด Latency) และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานโดยรวม
📱 การนำไปใช้และผลลัพธ์ต่อผู้ใช้
- iPhone 18 รุ่นมาตรฐาน: จะใช้ชิป A20
- iPhone 18 Pro และ iPhone พับได้: จะสงวนชิป A20 Pro (รุ่นท็อปสุด) ไว้สำหรับ iPhone 18 Pro และ iPhone รุ่นจอพับได้ (Foldable iPhone) ที่มีข่าวลือว่าจะเปิดตัวพร้อมกัน
- การใช้งาน AI และ AR/VR: การประหยัดพลังงานของโหนด 2nm และสถาปัตยกรรม WMCM ถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการผลักดันฟีเจอร์ AI และแอปพลิเคชัน AR/VR ที่ใช้พลังงานกราฟิกสูง
Apple เชื่อว่าการผสมผสานเทคโนโลยี Lithography ขั้นสูงเข้ากับนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ (WMCM) จะทำให้ iPhone 18 Series กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงานในอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟน

