ในยุคที่ AI อย่าง ChatGPT เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่การช่วยทำงานไปจนถึงการจัดเพลย์ลิสต์เพลง แต่คงไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะก้าวเข้าไปถึงแวดวงการทหารระดับสูง จนกระทั่งล่าสุดได้มีการออกมายอมรับอย่างเป็นทางการครับ
พลตรี วิลเลียม ‘แฮงค์’ เทย์เลอร์ (Major General William ‘Hank’ Taylor) หนึ่งในนายทหารระดับสูงสุดของกองทัพสหรัฐฯ ที่ประจำการในเกาหลีใต้ ได้ให้สัมภาษณ์กับ Business Insider ยอมรับว่า เขาได้ใช้งาน ChatGPT เพื่อช่วยในการตัดสินใจทางการทหารที่สำคัญ และถึงกับบอกว่าช่วงนี้เขากับ ChatGPT “สนิทกันมากเป็นพิเศษ”
ทำไมกองทัพถึงต้องพึ่ง AI?
พลตรีเทย์เลอร์ได้ให้เหตุผลที่น่าสนใจว่า เขาต้องการใช้ AI เพื่อสร้างความได้เปรียบในสนามรบ โดยมีเป้าหมายหลักคือ:
- 🎯 เพื่อสร้างแบบจำลอง (Models) ช่วยในการตัดสินใจให้ดีและแม่นยำยิ่งขึ้น
- ⏱️ เพื่อให้สามารถตัดสินใจได้ใน “ความเร็วระดับเครื่องจักร” (Machine Speed) ไม่ใช่ความเร็วของมนุษย์ ซึ่งเขาเชื่อว่าจะเป็นตัวตัดสินผู้ชนะในสนามรบแห่งอนาคต
- 🏆 เพื่อชิงความได้เปรียบ ด้วยการตัดสินใจที่ถูกต้องในเวลาที่เหมาะสมที่สุด
แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงมหาศาล
อย่างไรก็ตาม การนำ AI มาใช้ในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ก็มีเสียงเตือนจากเจ้าหน้าที่กองทัพและรัฐบาลสหรัฐฯ คนอื่นๆ เช่นกัน โดยข้อกังวลที่ใหญ่ที่สุดคือ ความเสี่ยงที่ข้อมูลลับสุดยอดทางการทหารอาจรั่วไหล ผ่านการที่ AI ได้เรียนรู้ข้อมูลเหล่านั้นไป
นอกจากนี้ยังมีรายงานเพิ่มเติมที่ชี้ให้เห็นว่าเทรนด์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในสหรัฐฯ โดยมีรายงานว่าบริษัทเทคโนโลยีทางประสาทอย่าง BrainCo อาจมีการส่งมอบข้อมูลให้กับรัฐบาลจีนเพื่อใช้ในการฝึกฝนทหารเช่นกัน
การออกมายอมรับครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า AI ได้กลายเป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญ แม้แต่ในแวดวงที่มีความมั่นคงเป็นเดิมพันสูงสุด ซึ่งก็ทำให้เกิดคำถามตามมาว่า เราจะสามารถควบคุมและป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างไรในอนาคตครับ