ในงาน “Huawei Day 2025” ณ โรงแรม The Plaza กรุงโซล นาย Balian Wang ซีอีโอของ Huawei Korea ได้ประกาศแผนเชิงรุกที่จะเริ่มขึ้นในปี 2026 โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้:
📦 1. กลยุทธ์ “ขายเป็นคลัสเตอร์” (Cluster-based Strategy)
- ไม่ใช่แค่ชิปเดี่ยว: ต่างจาก Nvidia ที่ขายการ์ดแยกชิ้น หัวเว่ยจะเน้นขายเป็น “คลัสเตอร์” (Cluster Units) หรือระบบดาต้าเซ็นเตอร์สำเร็จรูป
- โซลูชันครบวงจร (E2E): หัวเว่ยจะจัดหาให้ทั้งฮาร์ดแวร์โครงสร้างพื้นฐาน, ระบบเครือข่าย (Networking), อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล (Storage) ไปจนถึงซอฟต์แวร์ เพื่อลดความยุ่งยากในการติดตั้งและเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลให้สูงสุด
🧠 2. ชิป Ascend 950: หมัดเด็ดท้าชนยักษ์ใหญ่
- ประสิทธิภาพ: คาดการณ์ว่า Ascend 950 จะเป็นชิป AI รุ่นล่าสุดที่พัฒนาขึ้นเพื่อรองรับงานประมวลผลขนาดใหญ่ (Large Language Models) โดยเน้นไปที่ความคุ้มค่าและปริมาณการจัดส่งที่พร้อมกว่า
- เทคโนโลยีภายใน: มีรายงานว่าหัวเว่ยหันมาใช้หน่วยความจำ HBM ที่พัฒนาและผลิตภายในจีนเอง (เช่นจาก CXMT) เพื่อแก้ปัญหาการโดนคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ ทำให้พวกเขามีซัพพลายที่เสถียรกว่าในปัจจุบัน
🌐 3. HarmonyOS และการสร้าง Ecosystem ในเกาหลี
- โอเพนซอร์ส: นอกจากฮาร์ดแวร์แล้ว หัวเว่ยจะนำ HarmonyOS (เวอร์ชันโอเพนซอร์ส) มาบุกตลาดองค์กรในเกาหลีใต้ด้วย เพื่อสร้างระบบนิเวศสำหรับอุปกรณ์อัจฉริยะและ IoT
- ไม่ใช่สมาร์ทโฟน: ซีอีโอย้ำชัดเจนว่า “ไม่มีแผน” ที่จะกลับมาขายสมาร์ทโฟนในเกาหลีใต้ในปีหน้า แต่จะโฟกัสที่ B2B และโครงสร้างพื้นฐาน AI เท่านั้น
💡 วิเคราะห์: ทำไมเกาหลีใต้ถึงเป็นสมรภูมิสำคัญ?
- Nvidia Shortage: ปัจจุบันบริษัทในเกาหลีใต้ประสบปัญหา “คอขวด” ในการรอคิวรับชิปจาก Nvidia นานนับปี หัวเว่ยจึงใช้โอกาสนี้เสนอตัวเป็นทางเลือกที่ “มีของพร้อมส่ง”
- กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย: หัวเว่ยเล็งเป้าไปที่ สตาร์ทอัพและสถาบันวิจัย ที่ต้องการพลังประมวลผลสูงแต่ติดปัญหาเรื่องงบประมาณหรือคิวรอสินค้าที่ยาวเกินไป
- อำนาจต่อรองที่เปลี่ยนไป: การที่ยักษ์ใหญ่อย่าง Google และ Microsoft เริ่มสั่งปลดพนักงานจัดซื้อเพราะหาชิปไม่ได้ (ตามข่าวที่คุณให้มาก่อนหน้านี้) ยิ่งทำให้ทางเลือกจากหัวเว่ยดูมีน้ำหนักมากขึ้นในสายตาผู้บริหารองค์กรครับ
สรุป: ปี 2026 จะเป็นปีที่ตลาด AI ในเกาหลีใต้ดุเดือดขึ้นมาก เมื่อ “ตัวเลือกที่สอง” จากจีนเตรียมเข้าบุกถึงถิ่นของยักษ์ใหญ่อย่าง Samsung และ SK hynix ครับ

